ถ้าพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่น หลายคนอาจนึกถึงรถไฟ เนื่องจากชื่อเสียงที่โด่งดังในเรื่องความรวดเร็วแล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมต่อสถานทีท่องเที่ยวในหลาย ๆ จุดอีกด้วย
รถไฟในญี่ปุ่นนั้น มีมากมายหลากหลายประเภท ซึ่งรถไฟแต่ละประเภทก็จะเหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น รถไฟชินคันเซ็น เป็นการเดินทางระหว่างเมืองที่เร็วที่สุด และหยุดที่สถานีหลักๆ ในแต่ละเมือง
ชินคันเซ็น (Shinkansen)
* รู้จักในชื่อ “รถไฟหัวกระสุน” ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางที่เร็วที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีป้ายจอดน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับรถไฟด่วนหรือรถไฟธรรมดา
* รวมอยู่ใน JR Pass ทั่วประเทศ ยกเว้นสาย Nozomi และ Mizuho
รถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express)
* รถไฟด่วนพิเศษมีให้เลือกมากกว่า 100 ประเภท โดยมีจำนวนป้ายจอดที่จำกัด จึงวิ่งได้เฉพาะสถานีหลักของญี่ปุ่นเท่านั้น
* รวมอยู่ใน JR Pass
รถไฟด่วน (Express)
* ป้ายจอดที่จำกัด ครอบคลุมบริการรับส่งสนามบินหลัก เช่น สนามบินนานาชาติฮาเนดะ (Tokyo Monorail), สนามบินนานาชาตินาริตะ (Narita Express) และสนามบินนานาชาติคันไซ (Haruka Express)
* รวมอยู่ใน JR Pass
รถไฟแบบเร็ว (Rapid)
* ป้ายจอดที่จำกัด ไม่ต้องเสียค่าโดยสารพิเศษเพิ่มเติม
* สามารถขึ้นรถไฟได้ด้วยตั๋วรถไฟธรรมดา
* รวมอยู่ใน JR Pass
รถไฟธรรมดา (Local)
* รถไฟธรรมดาสามารถเดินทางจากสถานี A ไปยังสถานี B หรือวิ่งวนรอบได้ทั้งสองทิศทาง (เช่น เส้นยามาโนเตะในโตเกียวหรือเส้นวนรอบโอซาก้า)
* มีป้ายจอดทุกสถานีจึงไม่แนะนำสำหรับการเดินทางระยะไกลเนื่องจากจะใช้เวลาเดินทางที่ยาวนาน
* รวมอยู่ใน JR Pass
รถไฟแบบพิเศษ! (Special)
* รู้จักกันในชื่อ รถไฟธีมพิเศษเหล่านี้มักจะป็นรถไฟที่มีรูปตัวละครหรือรถไฟที่มีลักษณะการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น. รถไฟปิกาจู (รถไฟ POKÉMON with YOU), FruiTea Fukushima (รถไฟคาเฟ่พร้อมของหวานและเครื่องดื่มที่ทำจากผลไม้ตามฤดูกาลจากฟุกุชิมะ)
รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมส่งต่อข้อมูลให้เพื่อน หรือคนรอบตัวที่จะเดินทางไปยี่ปุ่นนะคะ หรือใครอยากเดินทาง #เที่ยวญี่ปุ่นส่วนตัวแบบมีรถส่วนตัวพร้อมคนขับ ต้อง #สยามซานต้า เรามี #บริการครบวงจร ในญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่นอุ่นใจไปกับสยามซานต้า