Day 1
วันแรก เราจะเก็บกระเป๋าเดินทางไป สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) โดยจะมีพนักงานคอยดูแลอำนวยความสะดวกที่สนามบิน ไม่ว่าจะเป็นจัดการเอกสารเดินทาง ถือสัมภาระต่างๆ มีเลานจ์ให้นั่งพักผ่อนรอเดินทาง สะดวกสบายมาก และได้ทานอาหารรอจนถึงเวลา 24.00น. เดินทางขึ้นเครื่องบินไปยัง สนามบินนาริตะ (ญี่ปุ่น) เราจะถึงญี่ปุ่นในเวลา 08.00น. เดินทางไปยังโรงแรมที่พนักงานได้จัดเตรียมไว้ให้ด้วยรถส่วนตัวพร้อมคนขับค่ะ
Day 2
สถานที่แรก เดินทางจากโรงแรมไปยัง วัดนาริตะซัน ผู้คนส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปขอพรสิ่งศักสิทธิ์ก่อนเดินทางไปเที่ยว หรือ ก่อนเดินทางกลับบ้านเนื่องจากอยู่ใกล้สนามบินนาริตะ วัดนาริตะซัน เป็นวัดขนาดใหญ่ เก่าแก่นับพันปี สำหรับใครที่ยังไม่รู้นะคะ วัดมีการชำระล้างเพื่อให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าวัด โดยวิธีที่ถูกต้องคือ ใช้กระบวยตักน้ำขึ้นมา ราดมือซ้าย มือขวา บ้วนปาก และน้ำที่เหลือให้ใช้มือขวาตั้งกระบวยขึ้นเพื่อให้น้ำไหลลงมาล้างด้ามจับด้วย สถาปัตยกรรมโบราณมีความงดงามมากค่ะ ทางเข้าวัดจะมีโคมแดงใหญ่ตั้งเด่นสง่า เรียกได้ว่าเป็นจุดเช็คอินของวัดนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ วัดนี้มีชื่อเสียงในเรื่องขอพรเพื่อให้เดินทางปลอดภัย ประสบความสำเร็จ หากใครที่มาก็ต้องไม่พลาดที่จะขอพรเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลกับตนเอง
ต่อมาเราจะไปที่ ฮาโกเนะ เมืองนี้มีธรรมชาติที่แสนสวยงาม ขึ้นชื่อในเรื่องออนเซ็น สปา รวมไปถึงวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย นักท่องเที่ยวนิยมมาปีน ภูเขาคินโทกิ หรือ ภูเขาอาชิการะ เพราะจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนสวยงามของฟูจิซัง ได้แบบพาโนราม่า และสามารถนั่งเรือชมวิวได้ที่ทะเลสาบอาชิ หรือ จะเลือกนั่งกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมวิวมุมสูงก็ได้นะคะ เห็นเสาโทริอิสีแดงในรูปไหมคะ มุมนี้เป็นมุมยอดนิยมที่ไม่ว่าใครไปก็ต้องแวะถ่ายรูปตรงนี้เพื่อเช็คอินลงโซเชียลกันอยู่ตลอดเลยค่ะ
หลังจากที่เดินทางเที่ยวจนเหนื่อยล้า เราได้พักแช่ออนเซ็นที่ โนซาวะออนเซ็น หมู่บ้านน้ำพุร้อนที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อนที่มีคุณภาพ จะช่วยให้ร่างกายได้รับความผ่อนคลาย สบายใจ และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่โนซาวะออนเซ็น บรรยากาศดี สดชื่น เพราะเราจะได้เห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากเลยค่ะ พร้อมกับพักผ่อนที่โนซาวะออนเซ็น 1 คืนค่ะ
Day 3
เริ่มต้นวันที่ 3 ด้วยสถานที่ยอดนิยมของเมืองฮาโกเนะ หุบเขาโอวาคุดานิ เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น ในปัจจุบันไม่ได้มีการระเบิดของภูเขาไฟมานานแล้วค่ะ แต่ใต้พื้นยังมีความร้อน แร่กำมะถันอยู่มาก จึงระเหยออกมาเยอะมาก กลิ่นรุนแรง แต่คนญี่ปุ่นเขาเชื่อว่ากำมะถันมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ และร่างกาย เพราะช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ แถมยังช่วยนรักษาโรคที่เกียวข้องกับผิวหนังด้วยค่ะ
มาที่นี่เราขอแนะนำนั่งกระเช้าชมวิวธรรมชาติในมุมสูง เราจะได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และยังเห็นภูเขาไฟฟูจิในอีกมุมนึง ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศดีมากเลยค่ะ
ไฮไลท์ของที่นี่คือ ไข่ดำ ที่ต้มด้วยกำมะถัน มีสีดำ คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากได้ทานไข่ดำนี้จะอายุยืน เช่น ไข่ดำ 1 ฟอง อายุยืนขึ้น 7 ปี
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ที่เกี่ยวกับไข่ดำ ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมสีดำ กาชาปองไข่ดำ
ต่อมานั่งรถไม่นานก็จะถึง จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ เรียกได้ว่าเป็นสัญญาลักษณ์ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่ติดกับทะเลสาบคาวากุจิโกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้งห้าที่อยู่รอบๆฟูจิซัง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นอีกมุมถ่ายรูปที่ผู้คนนิยมไปถ่ายมากเลยค่ะ เพราะเราจะได้เห็นฟูจิซังพร้อมกับใบไม้ที่ค่อยเปลี่ยนสีเรื่อยๆ เป็นสีส้ม สีแดง สีเหลือง แถมยังได้วิวตรงทะเลสาบคาวากุจิโกะอีกด้วย เรียกว่าคุ้มมากค่ะ และยังสามารถไปเล่นเครื่องเล่นได้ที่ฟูจิคิวไฮแลนด์อีกด้วย
ปิดท้ายวันนี้ด้วยมื้ออาหารพิเศษของวันในช่วงเย็นกับ บุฟเฟ่ต์ขาปู ที่โรงแรมฟูจิวิวโฮเทล พนักงานได้จองร้านอาหารให้เราเป็นห้องอาหารซันไชน์ ทานได้ไม่อั้นรวมไปถึงบุฟเฟ่ต์นานาชาติ อาหารทะเลต่างๆ มีครบทานได้แบบจุใจเลยค่ะ นอกจากทานอาหารแล้วที่นี่ยังมีวิวภูเขาไฟฟูจิสวยให้เราได้ชม พร้อมกับมีออนเซ็นให้แช่ได้ผ่อนคลายร่างกาย หลังจากเดินทางมาเหนื่อยทั้งวัน
Day 4
เช้าๆท้องฟ้าแจ่มใส อากาศดีๆแบบนี้มาเที่ยวกันต่อที่ หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค หรือหมู่บ้านน้ำใส หมู่บ้านเล็กๆที่มีชื่อเสียงโด่งดัง บ่อน้ำใสสะอาดถึง 8 บ่อ น้ำใสถึงขั้นที่เราจะเห็นปลาแหว่กว่ายอยู่ในน้ำ ซึ่งบ่อน้ำนี้เกิดจากการละลายของหิมะในช่วงฤดูร้อน ไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนจนกลายเป็นน้ำพุธรรมชาติ รอบๆหมู่บ้านเป็นบ้านโบราณที่มีนักท่องเที่ยวเวียนกันมาถ่ายรูป ยิ่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนะคะ รับรองว่าได้รูปที่สวยถูกใจกลับบ้านแน่นอนค่ะ
ไฮไลท์ของที่นี่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากได้ดื่มน้ำที่บ่อนี้ จะทำให้มีอายุที่ยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยการกวักน้ำน้ำจากในบ่อขึ้นมาดื่มได้เลยค่ะ หรือถ้าใครอยากนำกลับบ้านสามารถซื้อขวดจากร้านค้าได้เลย
ต่อมาไฮไลท์ของทริปนี้ “อุโมงค์ใบเมเปิ้ล” ที่จะเริ่มมีในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ใบเมเปิ้ลจะเปลี่ยนสีเป็น สีเหลือง สีส้ม สีแดงสด กำลังร่วงเต็มพื้นไปหมด ซึ่งอากาศวันนี้ดีมากเลยค่ะ ลมพัดเย็นสบายไม่ร้อนไม่หนาว ขอแนะนำที่นี่เลย สวยมาก หากใครที่อยากได้รูปสวยๆต้องที่นี่เลยค่ะ ถ้ายิ่งมีชุดยูกะตะมาด้วยนะ ให้ฟิลบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆเลยหละค่ะ รับรองว่าได้รูปภาพ 100 กว่ารูปแน่นอนค่ะ
สถานที่สุดท้ายของทริปนี้ขอแวะชม เทศกาลประจำฤดูใบไม้ร่วง Fuji Kawaguchiko Autumn Leaves Festival เป็นเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมาก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเฝ้ารอกันในทุกๆปีเลยค่ะ เทศกาลนี้จะเริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก สำหรับคนที่อยากมาชมใบเมเปิ้ลอย่างใกล้ชิด ขอแนะนำนะคะ หากอยากชมใบเมเปิ้ลสีแดงสด ให้มาในช่วง สัปดาห์ที่2-3 ของเดือนพฤศจิกายนค่ะ เพราะใบเมเปิ้ลจะสวยมากเป็นพิเศษ สมการรอคอยแน่นอนค่ะ ซึ่งเทศกาลนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 09.00-19.00น. ในช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟตกแต่งสวยงามตระการตามากเลยนะคะ จบทริปของวันด้วยการไปร้านอาหารอร่อยๆทานก่อนกลับโรงแรมไปพักผ่อนกันค่ะ
Day 5
เช้าวันใหม่ ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้วนะคะ ในช่วงเช้า 10.00น. เดินทางจากสนามบินนาริตะ (ญี่ปุ่น) ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) 18.00น. เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพค่ะ
สรุปทริปนี้ ในทุกๆวันพนักงานขับรถส่วนตัวจะมารอรับที่หน้าโรงแรม โดยพนักงานจะทักมาคอยสอบถามในเรื่องเที่ยวต่างๆ คอยแนะนำ และคอยช่วยแก้ปัญหาตลอดการเดินทาง ทำให้ทริปนี้ได้รับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวแบบส่วนตัว สบายใจ สนุกสนานมากเลยค่ะ
หากใครที่อยากเดินทางไปชมบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แนะนำทริปนี้เลยนะคะ เที่ยวแบบจัดเต็มแน่นอนค่ะ ได้ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี ท้องฟ้าแจ่มใส บรรยากาศดี สดชื่น ไปเที่ยวแบบส่วนตัวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องต่างๆ สามารถออกแบบเส้นทางได้ตามความต้องการของลูกค้า บริการครบจบในที่เดียว มีพนักงานคอยดูแลตลอดการเดินทางค่ะ
“เที่ยวญี่ปุ่นอุ่นใจ ไปกับสยามซานต้า บริษัทที่รวบรวมข้อมูลการเดินทาง และความสะดวกสบายครบคันมาให้คุณจบครบในที่เดียว และบริการสิทธิพิเศษอีกมากมาย”
